สาระน่ารู้ช่วยสานฝัน สำหรับเด็กๆ ที่ฝันอยากเป็นนักฟุตบอล
เด็กที่ อยากเป็นนักบอล ในปัจจุบันนั้นกีฬาฟุตบอลก็ถือเป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้ ซึ่งเป็นกีฬาที่ต้องคอยฝึกทักษะและพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลาเพื่อที่จะสามารถนำพานักเตะ และทีมนั้นก้าวไปสู่ในระดับโลกหรือในระดับวงการของประเทศตัวเองได้อย่างต่อเนื่อง และด้วยความที่กีฬาฟุตบอลนั้นได้ใช้ทุกสัดส่วนของร่างกายจึงทำให้พ่อแม่ในยุคปัจจุบัน มันชอบพาลูกๆ ของเขานั้นไปฝึกซ้อมกีฬาฟุตบอลหรือฝึกเล่นเพื่อเป็นทักษะและสร้างความฝันให้กับเด็กในเหล่านั้นอีกด้วย เรียกได้ว่าเด็กบางคนนั้นฝึกฝนและชื่นชอบและหลงใหลในกีฬาฟุตบอล จนที่อยากจะเติบโตและใฝ่ฝันกลายเป็นนักแข่งในระดับประเทศเลยก็มี ดังนั้นในวันนี้เราจึงจะมานำเสนอเกี่ยวกับสาระความรู้ ที่จะช่วยให้พ่อแม่ที่กำลังอยากจะส่งเสริมให้ลูกในด้านกีฬาหรือสิ่งที่เขาชอบนั้นได้อย่างถูกที่และถูกทาง ซึ่งเราต้องมาดูกันก่อนว่าในแต่ละหัวข้อนั้นเราควรมีมีวิธีการในการรับมือและสนับสนุนลูกของเราอย่างไร สำหรับความฝันที่เขานั้นอยากจะเป็นในอนาคตนั่นเอง
1.ความคิดและความเข้าใจ ของพ่อแม่ที่มีต่อลูกจะช่วยสานฝันให้เขานั้นเป็นจริง
สำหรับทุกอย่างนั้นพ่อแม่ควรที่จะทำความเข้าใจกับรูปให้มากก่อนโดยการไถ่ถามหรือถามความเห็นจากเขาว่าเขานั้นรักหรือชอบในสิ่งนั้นหรือไม่ โดยที่พ่อแม่ควรจะมีความคิดที่เปิดกว้างและคอยรับฟังเขาอยู่ตลอดเวลา ไม่ควรที่จะบังคับหรือ ให้เขาทำในสิ่งที่เราต้องการ แต่ควรจะเลือกให้เขานั้นได้ทำในสิ่งที่เขาอยากทำมากกว่า เมื่อเขาได้ทำในสิ่งที่เขาอยากทำแล้วนั้นมันมักจะออกมาได้ดี มากกว่าที่เขาจะต้องโดนเราบังคับหรือสั่งให้ทำนั้นเอง เพราะด้วยทุกอย่างนั้นเกิดจากความชอบที่เขามีอยู่ในตัวอยู่แล้วมันจึงคอยเป็นสิ่งที่กระตุ้นและสร้างเสริม จินตนาการให้กับเขาเองว่าเขานั้นสามารถทำในสิ่งที่รักและก็ทำมันออกมาได้ดีอีกด้วย
2.การเล่นฟุตบอลหรือกีฬาไม่ใช่เรื่องที่เสียเปล่า
สำหรับเด็กที่ชื่นชอบในการเล่นกีฬาหรือฟุตบอลเป็นต้นนั้น การที่เขานั้นจะชอบที่จะได้ลงสนามหรือสัมผัสและมีการทำกิจกรรมในการใช้ร่างกายของเขาเอง มากกว่าที่จะต้องมานั่งอ่านหนังสือหรือคิดหรือนั่งเรียนอยู่ในห้องจนมากเกินไป งั้นก็ถือว่าไม่ใช่สิ่งที่ดี การเล่นกีฬานั้นช่วยให้เขานั้นได้สร้างเสริมประสบการณ์และจินตนาการนี้ด้านต่างๆ และยังสามารถต่อยอดสร้างความฝันให้กับเขาได้อีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นการเรียนรู้นอกห้องเรียนที่ได้รับประสบการณ์ตรงมากกว่าที่จะได้เรียนรู้จากหนังสือนั่นเอง ซึ่งพ่อแม่ก็ควรมีหน้าที่ที่คอยจะสนับสนุนเขาในเรื่องนี้ เพราะเมื่อเขาเติบโตในอนาคตเขานั้นก็สามารถที่จะเลือกเส้นทางเดินของเขาได้เองโดยที่เขานั้นมีประสบการณ์จากด้านต่างๆ โดยตรงนั้นเอง
3.เด็กทุกคนไม่ได้มีความสามารถและถนัดที่เหมือนกัน
เด็กทุกคนนั้นไม่ได้มีความสามารถหรือความถนัดที่เหมือนกันทุกคน แต่ทุกคนนั้นจะมีความสามารถหรือสิ่งที่ตัวเองชอบและรักเป็นของตัวเองนั่นเอง ซึ่งในจุดนี้นั้นพ่อแม่ควรจะเป็นคนที่เข้าใจเขามากที่สุดและคอยสังเกตและช่วยส่งเสริมให้เขาทำในสิ่งที่เขารักหรือชอบมากกว่าที่จะกดดันหรือตั้งกฎเกณฑ์ให้เขานั้นเป็นในแบบที่เราต้องการ เพราะเมื่อเขาอยู่ในสภาวะที่กดดันแล้วนั้นสิ่งที่เขาต้องทำนั้นมันอาจจะทำออกมาไม่ได้ดีหรือมีปมในใจเกิดขึ้นและอาจทำให้ลูกของท่านนั้นมีสภาวะความเครียดสะสมก็เป็นได้ หรืออาจจะเป็นแบบในข่าวที่เราเคยเห็นที่เด็กบางคนนั้นแตกรับความกดดันไม่ไหวจนกลายเป็นโรคซึมเศร้าและก็ทำให้เกิดเรื่องเศร้าตามมานั่นเอง ดังนั้นในกรณีนี้พ่อแม่ควรเป็นคนที่เข้าใจเขามากที่สุด ปล่อยมันถามหรือสังเกตว่าเขาทำและชอบในสิ่งไหนอยู่เป็นประจำ หรือไม่ก็ลองเขาไปทำกิจกรรมในหลายๆ รูปแบบเพื่อค้นหาตัวเองให้เจอและได้รู้ว่าเขานั้นชอบและรักที่จะทำกับสิ่งใด ซึ่งความรู้เร็วของเด็กนั้นเราก็สามารถที่จะคอยส่งเสริมให้เขาไปในทางในสิ่งที่เขาชอบได้ดีและเร็วกว่าเด็กคนอื่นๆ อีกด้วย เพราะไม่ว่าสิ่งใดที่เกิดจากความรักและความเข้าใจคนเรานั้นมักจะทำมันออกมาได้ดีและมีความสุขกับสิ่งที่ทำนั้นอยู่เสมอ
และสุดท้ายนี้เราอยากจะฝากไว้ว่าสำหรับพ่อแม่ที่กำลังอยากให้ลูกทำตามความฝันในสิ่งที่ตัวเองต้องการนั้น เราควรหันมามองและดูแลลูกเราให้ดีกว่านี้จะดีกว่า เรื่องที่จะถามและชวนเขาได้ทำในสิ่งต่างๆ เพื่อค้นหาในสิ่งที่เขาชอบให้หลากหลายมากยิ่งกว่า ที่จะให้เขานั้นต้องมาจมอยู่กับสิ่งเดียวในสิ่งที่เราเลือกให้เพราะในความหวังดีของเรานั้นก็ไม่ได้เป็นความสุขให้กับลูกได้ดีเสมอในทุกครั้งไปแต่บางครั้งอาจจะเป็นการทำร้ายรูปโดยที่เราไม่รู้ตัวเหมือนกันนั่นเอง ดังนั้นถ้าหากเรารู้ว่าลูกเราชอบอะไรหรืออยากทำอะไรเป็นความฝันในอนาคต อย่างน้อยเราก็ควรจะสนับสนุนและให้กำลังใจเขาในสักครั้งให้เขาได้ทำตามความฝันที่เขาอยากทำให้เป็นจริงนั่นเอง